การประกอบธุรกิจแบบใดบ้างที่มีสิทธิจดทะเบียนในประเทศไทยได้?
ในการจดทะเบียนการค้าแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ 1. การจดทะเบียนนิติบุคคลเป็นไปตามกฎหมายได้แก่ ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน
ห้างหุ้นส่วนสามัญจำกัด บริษัทจำกัด บริษัทจำกัดมหาชน และองค์กรธุึุรกิจจัดตั้งหรือจดทะเบียนภายใต้กฎหมายเฉพาะ 2. การจดทะเบียน
ที่ไม่เป็นนิติบุคคล (อาจต้องจดทะเบียนตาม พรบ. ทะัเบียนพาณิชย์) ได้แก่ กิจการร้านค้าเจ้าของคนเดียว ห้างหุ้นส่วนสามัญ ซึ่งการที่จะ
ตัดสินใจเลือกดำเนินธุรกิจการค้าในรูปแบบใดนั้น ผู้ประกอบการจะต้องคำนึงถึงองค์ประกอบที่สำคัญหลายประการด้วยกัน เช่น ลักษณะของ
กิจการค้า เงินทุน ความรู้ความสามารถในการดำเนินธุรกิจ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อให้การประกอบธุรกิจนั้นประสบผลสำเร็จและนำมาซึ่งผลประโยชน์และกำไรสูงสุด
การประกอบธุรกิจแบบไหนที่คนต่างด้าวสามารถเป็นเจ้าของได้มากที่สุด?
บริษัทจำกัด
คนต่างด้าวสามารถถือหุ้นบริษัท 100% ในประเทศไทยได้หรือไม่?
ธรรมดาแล้ว คนต่างด้าวสามารถถือหุ้นได้ไม่เกิน 49% ส่วนคนต่างด้าวถือหุ้น 100% ก็คือเป็นบริษัทต่างด้าว ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ก่อนหน้านี้รู้จักกันในนามของกฎหมายว่าด้วยธุรกิจของคนต่างด้าว จำกัดธุรกรรมของคนต่างด้าวโดยแบ่งเป็น 3 ประเภท 1) เป็นธุรกิจที่ไม่เปิดให้กับคนต่างด้าว 2) และ 3) เป็นธุรกิจที่คนต่างด้าวต้องมีใบอนุญาตเพื่อที่จะเป็นเจ้าของกิจการนั้นได้
มีทางเป็นไปได้หรือไม่ที่คนต่างด้าวจะเป็นเจ้าของธุรกิจประเภทอื่นๆ ?
ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ห้ามคนต่างด้าวประกอบธุรกิจบางเประเภท และบางประเภทจะประกอบธุรกิจได้ต่อเมื่อได้รับใบอนุญาตหรือได้รับหนังสือรับรองแล้วแต่กรณี นอกจากนี้คนอเมริกันได้การยกเว้นจากกฎต้องห้ามหลาย ๆ ข้อ เนื่องมาจากผลของ สัญญาทางไมตรีและการค้าระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา พ.ศ.2509 ("Amity Treaty”)
อะไรคือสัญญาทางไมตรี "Amity Treaty" ?
สัญญาทางไมตรีใช้ได้กับคนอเมริกันและคนเหล่านี้ได้รับการยกเว้นจากกฏข้อบังคับบางอย่างจากพระราขบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ซึ่งทำให้คนอเมริกันได้รับสิทธิพิเศษในการประกอบธุรกิจในประเทศไทยซึ่งโดยปกติถุกต้องห้าม สำหรับบริษัทสัญชาติอเมริกันพวกเขาอาจจะยังคงถือหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทยได้ในธุรกิจที่จดทะเบียนผ่านสัญญาทางไมตรีไม่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) แต่คนเหล่านั้นน่าจะไปจดทะเบียนเพื่อรักษาผลประโยชน์เอาไว้ มิฉะนั้นธุรกิจเหล่านั้น เช่น list one (แบบที่ 1) และนักสิทธิเสรีอาจจะถูกต้องห้ามแม้จะเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Amity Treaty) |